
วิธีแก้ไขปัญหา Broken Links และ Redirects
Broken Links และการตั้งค่า Redirects ที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลเสียต่อ SEO และประสบการณ์ผู้ใช้ บทความนี้จะแนะนำวิธีตรวจหาและแก้ไข Broken Links รวมถึงการจัดการ Redirects อย่างถูกต้อง เพื่อรักษาอันดับเว็บไซต์และเพิ่มความน่าเชื่อถือ
Broken Links และ Redirects คืออะไร?
Broken Links และ Redirects เป็นปัญหาทั่วไปในเว็บไซต์ที่ต้องได้รับการแก้ไข:
- Broken Links คืออะไร?
ลิงก์ที่เสียหรือนำไปสู่หน้า 404 (Not Found) เช่น ลิงก์ไปยังหน้าที่ถูกลบหรือ URL ผิด
- Redirects คืออะไร?
การเปลี่ยนเส้นทางจาก URL เดิมไปยัง URL ใหม่ เช่น 301 (ถาวร) หรือ 302 (ชั่วคราว)
- เหตุผลที่ต้องแก้ไข
- Broken Links ทำให้ผู้ใช้หงุดหงิดและ Google ลดอันดับ
- Redirects ที่ผิดวิธีอาจทำให้เสีย Traffic หรือพลัง SEO
วิธีตรวจหา Broken Links
- Broken Links ทำให้ผู้ใช้หงุดหงิดและ Google ลดอันดับ
ก่อนแก้ไข ต้องรู้ว่าลิงก์เสียอยู่ที่ไหนในเว็บ:
ใช้ Google Search Console
- ไปที่ “Coverage” หรือ “Crawl Errors” เพื่อดูรายงานหน้า 404 ที่ Google พบ
- ไปที่ “Coverage” หรือ “Crawl Errors” เพื่อดูรายงานหน้า 404 ที่ Google พบ
ใช้เครื่องมือ SEO
- Screaming Frog: สแกนเว็บทั้งหมดเพื่อหาลิงก์เสีย
- Ahrefs: ดูส่วน “Broken Links” ใน Site Audit
ทดสอบด้วยตัวเอง
- คลิกลิงก์ในหน้าสำคัญ เช่น เมนูหลัก หรือบทความเก่า เพื่อหาปัญหา
H2: วิธีแก้ไข Broken Links
เมื่อเจอลิงก์เสียแล้ว ต่อไปนี้คือวิธีจัดการ:
1. แก้ไข URL ให้ถูกต้อง
- ถ้าพิมพ์ผิด ให้เปลี่ยนเป็น URL ที่ใช้งานได้ เช่น จาก /blog/post1 เป็น /blog/post-1
2. ตั้งค่า Redirect
- ใช้ 301 Redirect หากหน้าถูกลบและมีหน้าใหม่ทดแทน เช่น จาก /old-page ไป /new-page
3. ลบหรือแทนที่ลิงก์
- ถ้าไม่มีหน้าใหม่ ให้ลบลิงก์ออก หรือเปลี่ยนไปลิงก์หน้าที่เกี่ยวข้อง เช่น หน้าแรก
- 4. สร้างหน้า 404 ที่เป็นมิตร
ออกแบบหน้า 404 ให้มีลิงก์กลับไปหน้าแรก หรือแนะนำเนื้อหาอื่น เพื่อลดการสูญเสียผู้ใช้
วิธีจัดการ Redirects อย่างถูกต้อง
Redirects ที่ดีช่วยรักษาพลัง SEO และนำผู้ใช้ไปยังหน้าที่เหมาะสม:
1. เลือกประเภท Redirect ให้เหมาะสม
- 301 Redirect: สำหรับการย้ายถาวร เช่น เปลี่ยน URL หรือย้ายโดเมน
- 302 Redirect: สำหรับการย้ายชั่วคราว เช่น ทดสอบหน้าใหม่
2. ตั้งค่า Redirect ในเซิร์ฟเวอร์
ใช้ .htaccess (Apache):Redirect 301 /old-page https://www.example.com/new-pageหรือใน Nginx:
rewrite ^/old-page$ /new-page permanent;
H3: 3. หลีกเลี่ยง Redirect Chains
- อย่าปล่อยให้ลิงก์เปลี่ยนเส้นทางหลายครั้ง (เช่น A → B → C) ให้ไปหน้าเป้าหมายโดยตรง
- 4. อัปเดต Internal Links
แก้ลิงก์ภายในให้ชี้ไป URL ใหม่ แทนพึ่ง Redirect อย่างเดียว
เทคนิคป้องกันปัญหาในอนาคต
นอกจากแก้ไข ยังมีวิธีลดโอกาสเกิด Broken Links และปัญหา Redirects:
ใช้ CMS ที่จัดการลิงก์ได้ดี
- WordPress มีปลั๊กอินอย่าง Redirection ช่วยตั้งค่าและตรวจสอบ Redirect
ตรวจสอบลิงก์เป็นประจำ
- สแกนเว็บทุก 3-6 เดือนด้วย Screaming Frog หรือ Ahrefs
วางแผนก่อนเปลี่ยน URL
- ก่อนลบหรือย้ายหน้า ให้บันทึก URL เดิมและตั้ง Redirect ล่วงหน้า
H2: ข้อควรระวังในการแก้ไข
การจัดการที่ผิดพลาดอาจสร้างปัญหาใหม่:
อย่าลบ Redirect โดยไม่จำเป็น
- ถ้ามี Traffic มาจาก URL เดิม ควรคง 301 Redirect ไว้อย่างน้อย 6 เดือน
หลีกเลี่ยงการ Redirect ไปหน้าไม่เกี่ยวข้อง
- เช่น Redirect จาก /seo-tips ไปหน้าแรก แทนที่จะไป /new-seo-guide
- ทดสอบหลังแก้ไข
- ใช้เครื่องมืออย่าง Redirect Checker เพื่อดูว่า Redirect ทำงานถูกต้อง
สรุป: การแก้ Broken Links และ Redirects คือการดูแลสุขภาพเว็บ
Broken Links และ Redirects ที่ไม่ดีอาจทำลาย SEO และประสบการณ์ผู้ใช้ การตรวจหา แก้ไข และป้องกันด้วยวิธีที่ถูกต้องจะช่วยให้เว็บของคุณทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและรักษาอันดับใน Google
คำแนะนำเพิ่มเติม:
เริ่มต้นด้วยการสแกนเว็บด้วย Screaming Frog หา Broken Links 5-10 ลิงก์แรก แล้วลองตั้งค่า Redirect หรือแก้ไขตามขั้นตอนนี้ วัดผลใน Google Search Console หลัง 2-4 สัปดาห์

รับทำ SEO รับทำเว็บไซต์
รับทำ SEO