
Google Ads & Facebook Ads – ทำโฆษณาเพื่อเพิ่มยอดขาย
การทำโฆษณาผ่าน Google Ads และ Facebook Ads เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มยอดขายและสร้างการรับรู้แบรนด์ โฆษณาเหล่านี้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
📌 Google Ads & Facebook Ads – ทำโฆษณาอย่างไรให้ยอดขายพุ่ง
การตลาดออนไลน์ในยุคนี้ไม่สามารถพึ่งพา SEO เพียงอย่างเดียว โฆษณาออนไลน์ เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าได้เร็วขึ้น ไม่ว่าคุณจะขายสินค้า บริการ หรือทำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก
✅ Google Ads → แสดงผลบน Google Search, YouTube และเว็บไซต์ต่างๆ
✅ Facebook Ads → โฆษณาใน Facebook, Instagram และ Messenger
📌 Google Ads คืออะไร? ทำไมต้องใช้?
Google Ads เป็นแพลตฟอร์มโฆษณาของ Google ที่ช่วยให้ธุรกิจแสดงโฆษณาบน ผลการค้นหา (Google Search), YouTube, เว็บไซต์ต่างๆ และแอปมือถือ
🎯 1. โฆษณา Google Search Ads – ติดหน้าแรกในทันที
- แสดงโฆษณาบน ผลการค้นหา Google (Search Engine)
- เลือก Keyword ที่ลูกค้าค้นหา เพื่อให้โฆษณาแสดงตรงกลุ่มเป้าหมาย
- คิดค่าใช้จ่ายแบบ Pay Per Click (PPC) จ่ายเมื่อมีคนคลิก
📢 2. Google Display Ads – โฆษณาบนเว็บไซต์ต่างๆ
- แสดงโฆษณาภาพ, แบนเนอร์ บน เว็บไซต์พันธมิตรของ Google
- เหมาะสำหรับ สร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness)
🎥 3. YouTube Ads – โฆษณาวิดีโอ
- แสดงโฆษณาวิดีโอบน YouTube
- เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างยอดวิวและเพิ่มการมีส่วนร่วม
🛒 4. Google Shopping Ads – สำหรับธุรกิจ E-Commerce
- แสดงโฆษณาสินค้าพร้อมราคา รูปภาพ และรีวิว
- ช่วยเพิ่มโอกาสปิดการขายทันที
📌 Facebook Ads คืออะไร? ทำไมต้องใช้?
Facebook Ads เป็นแพลตฟอร์มโฆษณาของ Facebook และ Instagram ที่ช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าได้ตามพฤติกรรมและความสนใจ
👥 1. Targeting ขั้นสูง – เลือกกลุ่มเป้าหมายได้ละเอียด
- สามารถเลือก เพศ, อายุ, พื้นที่, ความสนใจ และพฤติกรรม
- ใช้ Custom Audience เพื่อนำเสนอสินค้าให้ลูกค้าเดิม
📢 2. Facebook Feed Ads – โฆษณาในฟีด Facebook และ Instagram
- รูปแบบโฆษณาหลากหลาย (รูปภาพ, วิดีโอ, สไลด์โชว์, Carousel)
- กระตุ้นให้เกิด การคลิก, การแชร์, และการมีส่วนร่วม
📹 3. Facebook Video Ads – เพิ่มยอดวิวและการมีส่วนร่วม
- เหมาะสำหรับ การเล่าเรื่องแบรนด์ (Brand Storytelling)
- สามารถโฆษณาใน Facebook Reels และ Instagram Stories
🛒 4. Facebook Lead Ads – เก็บข้อมูลลูกค้าได้ง่ายๆ
- ฟอร์มสมัครสมาชิก/ลงทะเบียนใน Facebook
- ไม่ต้องออกจากแพลตฟอร์ม ลดอัตราการหลุดของลูกค้า
📌 เปรียบเทียบ Google Ads vs Facebook Ads – แบบไหนดีกว่า?
Google Ads | Facebook Ads |
---|---|
เน้นคนที่มี ความต้องการสูง (Search Intent) | เน้น การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจ (Interest-Based) |
แสดงผลเมื่อมีการค้นหา | แสดงผลในฟีดของผู้ใช้ |
เหมาะกับ ธุรกิจที่ต้องการยอดขายทันที | เหมาะกับ ธุรกิจที่ต้องการสร้างแบรนด์ |
เหมาะกับ E-Commerce, บริการเฉพาะทาง | เหมาะกับ สินค้าทั่วไป, แฟชั่น, ไลฟ์สไตล์ |
👉 แนะนำ:
🔹 หากต้องการยอดขายทันที → Google Ads
🔹 หากต้องการสร้างแบรนด์ → Facebook Ads
🔹 หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด → ใช้ทั้งสองแพลตฟอร์มร่วมกัน
📌 วิธีทำโฆษณาให้คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ
🎯 1. เลือกกลุ่มเป้าหมายให้แม่นยำ (Targeting)
- ศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า
- ใช้ Remarketing เพื่อนำเสนอสินค้าให้ลูกค้าเดิม
📝 2. เขียนข้อความโฆษณาที่ดึงดูด (Ad Copywriting)
- ใช้ Call to Action (CTA) ที่ชัดเจน เช่น "สั่งซื้อเลย", "รับส่วนลดทันที"
- ใช้ ข้อความสั้น กระชับ และตรงประเด็น
📸 3. ใช้ภาพและวิดีโอคุณภาพสูง
- ภาพที่ดึงดูดมีโอกาสทำให้ลูกค้าคลิกสูงขึ้นถึง 40%
- วิดีโอที่ดีช่วยเพิ่มยอดขายได้ มากกว่าโฆษณาภาพนิ่ง 5 เท่า
📈 4. วัดผลและปรับปรุงแคมเปญ
- ใช้ Google Analytics, Facebook Pixel เพื่อติดตามผลลัพธ์
- ปรับโฆษณาให้มี CTR สูงขึ้น ลด CPC
📌 สรุป – Google Ads & Facebook Ads ช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างไร?
📌 Google Ads → ดีที่สุดสำหรับคนที่มีความต้องการซื้ออยู่แล้ว
📌 Facebook Ads → ดีที่สุดสำหรับสร้างการรับรู้แบรนด์และกระตุ้นยอดขาย
✅ ใช้ Google Ads เพื่อให้คนเห็นสินค้าตอนที่เขาต้องการ
✅ ใช้ Facebook Ads เพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่และสร้างความสนใจ
🚀 ต้องการทำโฆษณา Google Ads หรือ Facebook Ads?
📞 ติดต่อเรา 062-920-5495 เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบก้าวกระโดด!